มิกกี้

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โยคะ


การฝึกโยคะบางท่ามีผลช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ บางท่าช่วยบำบัดรักษาอาการป่วยจากโรคกระเพาะและอีกนานาสารพัดโรคซึ่งต้องฝึกปฏิบัติเป็นประจำเท่านั้นจึงจะได้ผลดีหากจะกล่าวถึงผลดีที่จะได้จากการฝึกโยคะก็พอจะยกมาเป็นตัวอย่างได้ดังต่อไปนี้ ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี ทำให้การเคลื่อนไหวสง่างามทุกท่วงท่าช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวียนดี สมองปลอดโปร่งเพราะมีโลหิตไปหล่อเลี้ยงช่วยให้ต่อมต่างๆทำงานได้ดีเพราะได้รับการกระตุ้น เช่น ต่อมไทรอยด์ต่อมพาราไทรอยด์ช่วยกระตุ้นให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆกระตุ้นเซลล์ทั่วร่างกายให้สดชื่นแจ่มใสและมีชีวิตชีวาบำบัดรักษาอาการเจ็บไข้ไม่สบายอันเกิดจากโรคต่างๆ เช่น โรคทางจิตประสาทโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคกระเพาะอาหารช่วยบริหารปอด และหัวใจให้แข็งแรงช่วยลดไขมันเฉพาะส่วน ทำให้น้ำหนักคงที่ถ้าฝึกเป็นประจำ และมีการควบคุมอาหารที่ถูกต้องช่วยลดความเรียด ทำให้นอนหลับสบายรักษาโรคริดสีดวงทวารกำจัดอาการท้องผูก และอาหารไม่ย่อยช่วยรักษาและป้องกันโรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้ต่างๆรักษาอาการปวดคอ ปวดหลัง และปวดข้อต่างๆป้องกันโรคเส้นเลือดขอดรักษาอาการหวัด เจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบรักษาโรคไส้เลื่อน ต่อมลูกหมากโตรักษาโรคสมรรถภาพทางเพศเสื่อมช่วยบรรเทาอาการโรคหลอดลมอักเสบ ป้องกันมดลูกหย่อนยานช่วยบรรเทาอาการปวดท้องก่อนมีรอบเดือนลดการยึดติดของข้อต่างๆรักษาโรคลมชัก และลมบ้าหมูช่วยให้กระดูกสันหลังยืดหยุ่นได้ดีช่วยให้ข้อมือ ขา และข้อเท้าแข็งแรงช่วยให้สมาธิดี ความจำดี อารมณ์สุขุมเยือกเย็นช่วยให้สุขภาพจิตดี ขจัดอาการฟุ้งซ่านช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะช่วยให้ตับทำงานได้ดีช่วยนวดอวัยวะส่วนท้องช่วยบรรเทาอาการเบื่ออาหาร และช่วยล้างพิษช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ผิวเนื้อตึงกระชับ ไม่หย่อนยานง่ายช่วยชะลอความชรา และช่วยเสริมสร้างพลังชีวิต นอกจากผลดีที่จะได้รับดังตัวอย่างข้างต้นแล้ว การฝึกโยคะยังให้ประโยชน์อีกมากต่อสุขภาพจิต และประสิทธิภาพในการทำงานของสมองด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผลดีทั้งปวงที่ร่างกายจะได้รับนั้นย่อมส่งผลต่อศักยภาพการดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วย ข้อควรปฏิบัติในการฝึกโยคะโยคะอย่างง่ายๆที่เหมาะสำหรับการฝึกทุกๆวัน เพื่อบริหารร่างกายและสร้างพลังแก่สุขภาพนั้นส่วนใหญ่จะเป็น “ท่าอาสนะ” ซึ่งเป็นพื้นฐานที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ให้ปฏิบัติตามได้ง่ายๆเนื่องจากท่าอาสนะเป็นท่าบริหารที่ประกอบด้วยการเคลื่อนไหวอันนิ่มนวล เป็นการฝึกเพื่อพัฒนาร่างกายให้เกิดความสมดุลทางสรีระและกล้ามเนื้อต่างๆ การเตรียมตัวและเตรียมสถานที่ให้ถูกต้องและเหมาะสม จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการฝึกโยคะประจำวันเวลาเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกโยคะคือเวลาเช้าแต่เพื่อความสะดวกสำหรับวิถีชีวิตของคนในยุคสมัยนี้ ผู้ฝึกจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลาที่กำหนดตายตัวอาจฝึกทุกๆเช้าวันหยุด แต่วันเรียนหรือทำงานก็ฝึกในช่วงค่ำๆก็ได้ (ช่วงบ่ายอากาศร้อนอาจไม่เหมาะกับการฝึก)ความจริงแล้วโยคะแนวใหม่สามารถนำไปประยุกต์เป็นการบริหารร่างกายที่สะดวกและง่ายดายได้ ผู้ฝึกสามารถเล่นโยคะได้ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่โต๊ะทำงาน ที่สาธารณะทั่วไป หรือแม้แต่นั่งหรือยืนอยู่บนรถแต่สำหรับระยะเวลาในการฝึกโยคะแต่ละครั้งนั้น ควรฝึกให้ได้อย่างต่ำ ครั้งละ 30 นาทีสำหรับผู้ที่มีเวลาสามารถฝึกเต็มที่ได้ ครั้งละ 1 ชั่วโมง 30 นาทีหรือถึง 2 ชั่วโมงฝึกโยคะอย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือฝึกวันละ 20 - 30 นาที ทุกๆวันก็ได้เสื้อผ้าชุดที่เหมาะสมจะสวมใส่ในการฝึกโยคะคือเสื้อผ้าชุดลำลองที่มีเนื้อผ้านุ่มเบาสบาย มีความหลวมพอประมาณ เช่น เป็นชุดผ้ายืดทั้งตัวเพื่อให้ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างสะดวกสบายที่สุดอุปกรณ์เสริมในการฝึกโยคะควรมีอุปกรณ์เสริมบางอย่างเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวก เช่นผ้าขนหนูผืนใหญ่ สำหรับปูรองนั่งในระหว่างฝึกผ้าขนหนูผืนเล็กหรือไม้ไผ่ สำหรับช่วยในการฝึกบางท่านอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำสำหรับการเตรียมตัวฝึกโยคะอีกหลายข้อที่ควรใส่ใจ ดังนี้

1. ควรเลือกทำเลดีๆในการฝึกโยคะ เช่น บริเวณระเบียงบ้านที่มีลมพัดผ่านเย็นสบาย มีเสียงนกร้อง และมีทิวทัศน์ร่มรื่นงดงามด้วยต้นไม้ อาจฝึกในสวน ห้องนอน หรือห้องรับแขก และควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก แต่ถ้าจำเป็นต้องฝึกในห้องแอร์ก็สามารถทำได้ซึ่งไม่ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างใด
2. อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนฝึกโยคะ อย่าลืมทำความสะอาดช่องปาก ฟัน หู และรูจมูก
3. ถ้าต้องการเปิดเพลงกล่อมระหว่างการฝึก ควรเลือกเพลงบรรเลงเบาๆ อย่าเปิดเพลงที่มีคำร้อง หรือมีจังหวะสนุกสนาน เพราะการฝึกโยคะต้องใช้สมาธิอย่างมาก
4. กินอาหารให้เรียบร้อยก่อนฝึกโยคะประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง
5. ถ้ามิได้ฝึกโยคะตามลำพัง ควรฝึกอย่างเงียบๆ ไม่ควรชวนเพื่อนพูดคุย หรือหยอกเย้ากันในระหว่างการฝึก
6. ไม่สวมเครื่องประดับใดๆในการฝึก รวมทั้งแว่นสายตาด้วย
7. สตรีในช่วงที่มีรอบเดือน ควรงดการฝึกโยคะ
8. สตรีที่มีครรภ์อ่อนๆ แต่ต้องการฝึกโยคะเพื่อสุขภาพควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อน
9. ผู้ที่มีอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ หรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคไขข้อ ไม่ควรฝึก10. ไม่ควรออกกำลังกายประเภทอื่นๆ ก่อนหรือหลังการฝึกโยคะในทันที เมนูสุขภาพสำหรับผู้ฝึกโยคะนอกจากการฝึกโยคะเป็นประจำแล้ว

การดูแลเรื่องอาหารกการกินก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการดูแลสุขภาพปัจจุบันผู้ที่นิยมฝึกโยคะในยุโรปและอเมริกามักจะหันมากินอาหารมังสวิรัติกันมากแต่ถ้าไม่สามารถจะกินผัก ผลไม้ และธัญพืชได้ ก็ไม่เป็นไรเพราะอาหารดีๆที่มีคุณค่าต่อสุขภาพนั้นยังมีอีกมากมาย ถ้าเรารู้จักเลือกสรรและกินให้เป็นอาหารที่จัดมานี้เป็นเมนูสุขภาพ ส่วนใหญ่จึงมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และจัดเป็นเมนูไดเอตที่เหมาะสำหรับการลดความอ้วน และการควบคุมน้ำหนักอีกด้วยข้าวกล้องข้าวกล้องอุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารนานาชนิด ที่มีคุณค่าสูง ช่วยบำบัดและยังป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและไม่อ้วนด้วย เราสามารถหุงข้าวกล้องปนกับข้าวอื่นๆ ได้หลายชนิดเพื่อเพิ่มรสชาติและเพิ่มคุณค่า หรืออาจหุงข้าวกล้องกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็ได้ต้มๆนึ่งๆหลีกเลี่ยงอาหารจานทอดที่เต็มไปด้วยน้ำมัน หันมาเลือดกินแต่อาหารที่ปรุงด้วยวิธีต้มๆนึ่งๆ มารพัดเมนูแกงจืดและต้มยำต่างๆที่ไร้กะทิ กินผักต้ม ผักลวก หรือปลานึ่ง เป็นประจำจะทำให้สุขภาพดีหากต้องการปรุงอาหารจานผัดต่างๆก็ควรใช้น้ำมันแต่น้อยงดอาหารแปรรูปของหมักดอง อาหารกระป๋อง และอาหารแปรรูปต่างๆเช่น แหนม กุนเชียง ไส้กรอก เบคอน ฯลฯ เหล่านี้ไม่ใช่อาหารสุขภาพควรหลีกเลี่ยงหรือกินแต่น้อยเนื้อสัตว์ติดมันแม้ร่างกายจะต้องการโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่เนื้อสัตว์ที่ติดมันก็ทำให้อ้วน และยังเพิ่มโคเลสเตอรอลได้อย่างไม่รู้ตัว พยายามงดกินเนื้อสัตว์ติดมัน และลองฝึกนิสัยการกินอาหารให้น้อยลง(ยกเว้นปลา และอาหารทะเล) เพราะความจริงแล้วเนื้อสัตว์นั้นย่อยยาก และเราสามารถได้สารอาหารต่างๆ อย่างครบถ้วนจากธัญพืชต่างๆได้ เช่นกันธัญพืชต่างๆข้าวโอ๊ต ขาวสาลี รำข้าว ถั่ว งา ซีเรียล และธัญพืชต่างๆล้วนอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุนานาชนิดที่เป็นประโยชน์อย่างสูงต่อร่างกาย จึงควรจัดให้มีอาหารจำพวกธัญพืชบ้างในเมนูแต่ละวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น